ปลูกผักอะไรดี? ฤดูร้อน

หมวดหมู่: เคล็ดลับ

ในช่วงฤดูร้อน (ประมาณมีนาคม – พฤษภาคม) ที่อากาศร้อนจัดในประเทศไทย ผักบางชนิดจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบนี้ เพราะทนร้อนและต้องการน้ำไม่มากนัก แต่ในขณะเดียวกัน ผักที่ต้องการน้ำเยอะหรือไม่ทนความร้อนอาจมีผลผลิตลดลงและราคาแพงขึ้น ด้านล่างนี้คือผักที่มักพบในช่วงอากาศร้อน รวมถึงผักที่อาจปลูกได้ดีและผักที่มักแพง:

#ผักที่ทนร้อนและมักปลูกได้ดีในฤดูร้อน
1. มะเขือ(เช่น มะเขือยาว, มะเขือเปราะ)
– ทนร้อนได้ดี ผลผลิตมักเยอะในช่วงนี้
2. ถั่วพู
– ชอบอากาศร้อนและแดดจัด ผลผลิตดี ราคาอยู่ที่ 30-40 บาท/กก.
3. แตงโม
– เติบโตดีในช่วงร้อนแห้ง ราคามักไม่แพงนัก (10-20 บาท/กก.) ถ้าผลผลิตเยอะ
4. ข้าวโพด
– ทนร้อนได้ดี โดยเฉพาะข้าวโพดหวาน ราคาประมาณ 20-30 บาท/กก.
5. ฟักทอง
– ชอบอากาศร้อนและแห้ง ผลผลิตดี ราคาอยู่ที่ 15-25 บาท/กก.

#ผักที่อาจแพงในช่วงอากาศร้อน
เนื่องจากอากาศร้อนจัดและอาจเกิดภัยแล้ง ผักที่ต้องการน้ำเยอะหรือไม่ทนความร้อนมักมีผลผลิตลดลง ทำให้ราคาสูงขึ้น:
1. ผักบุ้ง
– ต้องการน้ำเยอะ ถ้าน้ำขาด ผลผลิตลด ราคาอาจขึ้นจาก 20-30 บาท เป็น 40-60 บาท/กก.
2. คะน้า
– ร้อนเกินไปทำให้โตช้าและใบเหนียว ราคาอาจสูงถึง 60-80 บาท/กก.
3. ผักกาดขาว
– ต้องการน้ำมาก ถ้าแล้งจะผลผลิตน้อย ราคาขยับจาก 30-40 บาท เป็น 50-70 บาท/กก.
4. ผักชี
– บอบบางและไม่ชอบร้อนจัด ผลผลิตลดลง ราคาอาจพุ่งถึง 200-300 บาท/กก.
5. แตงกวา
– ถ้าขาดน้ำ ผลจะเล็กและขม ราคาอาจขึ้นจาก 20-30 บาท เป็น 40-50 บาท/กก.

#ผักที่ยังพอไปได้ในช่วงร้อน (ขึ้นอยู่กับการดูแล)
1. กวางตุ้ง
– ทนร้อนได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ ราคาอาจอยู่ที่ 40-60 บาท/กก. ถ้าผลผลิตลด
2. ถั่วงอก
– ปลูกในร่มได้ แต่ถ้าอากาศร้อนเกินไปอาจโตช้า ราคาขยับเป็น 30-40 บาท/กก.
3. โหระพา
– ชอบแดดแต่ต้องมีน้ำเพียงพอ ราคาคงที่ประมาณ 40-60 บาท/กก.

ทุกราคาเป็นราคาคาดการณ์เท่านั้น